เรื่องย่อหนัง
หนัง The Divergent Series : Allegiant หรือชื่อไทยว่า อัลลีเจนท์ ปฎิวัติสองโลก บอกเล่าเรื่องราวของ ทริซ และ โฟร์ ที่จะนำ ทีมอัลลีเจนท์ ทะลุสู่โลกเบื้องหลังกำแพง เผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ จากศัตรูที่อันตรายยิ่งกว่าคนทุกกลุ่มที่พวกเขาเคยต้องต่อสู้ ตะลึงกับความลับเปลี่ยนอนาคตโลกไปตลอดกาล และร่วมเป็นกำลังใจให้กับพลังความรักของทริซและโฟร์ท่ามกลางสงครามสองโลก ใน อัลลีเจนท์ จะไม่มีการต่อสู้ระหว่างคนต่างกลุ่มอีกต่อไป

แต่ทว่าครั้งนี้มันจะเป็นสงครามที่จะเปลี่ยนแปลงอน่คตคนทั้งโลกไปตลอดกาล สมกับเป็นภาพยนตร์แอคชั่นไซไฟฟอร์มยักษ์โฉมหน้าใหม่สำหรับแฟนภาพยนตร์ทุกๆ คนเตรียมร่วมผจญภัยข้ามสู่อีกโลกไปกับนักสู้ทีมอัลลีเจนท์ ร่วมรบในสงครามสองโลกไปกับทริซและโฟร์ พร้อมร่วมเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ภาพยนตร์ที่จะมาพลิกโฉมหน้าโลกแอ็คชั่นไซไฟ จุดเปลี่ยนโลกที่ต้องแลก
ตัวอย่างหนังออนไลน์

รีวิวหนัง

The Divergent Series : Allegiant ยกระดับปฏิวัติสองโลก

ในบรรดาภาพยนตร์ที่ทำมาจากหนังสือ The Divergent Series ถือเป็นภาพยนตร์ที่มีการกดัดแปลงเนื้อหาจากหนังสือไปเยอะมากพอควร แต่ไม่ได้ช่วยทำให้ตัวหนังออกมาดูดีเพอร์เฟค หรือบทที่เพอร์เฟคกว่าตัวหนังาสือเลยแม้แต่น้อย โดยส่วนมากในซีรีย์นี้ จะเน้นไปที่การปูเรื่องและความโรแมนติกของพระนางซะมากกว่า ทำให้ในภาคที่ 1-2 เหมือนว่ายวนในอ่างใบเดิม ซึ่งเอาเข้าจริงภาคที่ แล้วดูขาดเสน่ห์และค่อนข้างที่จะน่าเบื่อไปเลยด้วยซ้ำ

ซึ่งพอมาในภาคนี้ในด้านเนื้อเรื่องถือว่ามีการก้าวผ่านความจำเจ หลุดพ้นออกจากความเดิมๆในภาค 1-2 นั่นก็คือ การก้าวออกนอกกำแพงที่ปิดกันคนในเมืองกับโลกภายนอก แต่ก็ไม่วาย ความหวังที่จะออกไปนอกกำแพง ไปพบกับความหวังใหม่นั้น มันกลับกลายเป็นการเร่งเวลาให้เมืองชิคาโก้ ถูกทำลายลงซะอย่างงั้น

ตัวเรื่องช่วงแรกมีการเร่งความเร็วในการดำเนินเรื่องอย่างมากจนเห็นได้ชัด และทำออกมาดูดีใช้ได้ จนกระทั่งตัวละครก้าวข้ามกำแพงไป เนื้อเรื่องก็เหมือนถูกแช่แข็ง ว่ายน้ำวนอยู่ในอ่างเหมือนเดิน จนกระทั้งถึงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ที่กลับมาเร่งเครื่องอีกครั้ง ส่วนตัวค่อนข้างชอบภาคนี้มากกว่าภาค 1 และ 2นะ ตรงที่มีการนำเดินเรื่องนอกเหนือจากสองภาคแรก มีแอคชั่นประปรายอยู่ตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้ง CG จัดเต็มมาก (ถึงแม้ว่ามันจะไม่เนียนในบางฉากก็ตาม)

ในระบบ IMAX เรื่องนี้ถือว่าเป็นภาคที่ 3 ที่ได้ฉาย IMAX ด้วย แต่เนื่องด้วยความค่ำตมของงานด้านภาพสามมิติในภาคที่แล้วทำให้ในภาคนี้ ทางสตูดิโอตัดสินใจที่จะไม่มีการแปลงตัวหนังเป็นสามมิติแต่อย่างใด ซึ่งส่วนตัวว่าก็โอเคนะ ดีแล้วที่ไม่แปลง เพราะถ้าแปลงแล้วห่วยแบบ Insurgent ก็อย่าทำให้เสียเวลาเลย

ที่โดดเด่นในภาคนี้แบบสุดๆเลยคือเพลงประกอบ ที่ได้ M38 มาช่วยสร้างสีสรรในเพลงประกอบ เรียกได้ว่า เป็นภาคที่เพลงประกอบภาพยนตร์เพอร์เฟค เร้าใจที่สุดในซีรีย์ Divergent เลยก็ว่าได้ ยิ่งใครที่ติดใจเพลงประกอบเจ๋งๆจาก Oblivion คุณจะชอบเพลงประกอบเรื่องนี้แน่นอน ยิ่งได้ฟังเสียงในระบบ IMAX ด้วยยิ่งทวีคูณความเจ๋งของสกอร์เพลงประกอบเข้าไปอีก

โดยรวม The Divergent Series : Allegiant เป็นการก้าวข้ามความจำเจที่ทำออกมาได้น่าพอใจ และเกินความคาดหวัง แต่ถ้าตามว่ามันดีเทียบเท่า แฟรนไชร์ The Hunger Games หรือ Harry Potter หรือไม่ ต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้ยังมีความอ่อนในด้านบทและการดำเนินเรื่องอยู่มาก แต่ถ้าใครชอบภาค 1-2 เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณจะหลงรักภาคนี้ขึ้นมาทันที 8/10